ข้อมูลที่ผู้วิจัยจะต้องหามาสนับสนุนอย่างน้อยควรมี
๔ ประการ ได้แก่
1. สภาพที่เป็นปัญหาในอดีต ปัจจุบันและ แนวโน้มในอนาคต
2. แนวคิดและทฤษฎี
3. ผลการวิจัยของผู้อื่น
4. กลุ่มเป้าหมายและตัวแปรที่จะศึกษา
1. สภาพที่เป็นปัญหาในอดีต ปัจจุบันและ แนวโน้มในอนาคต
2. แนวคิดและทฤษฎี
3. ผลการวิจัยของผู้อื่น
4. กลุ่มเป้าหมายและตัวแปรที่จะศึกษา
http://agro-industry.rmutsv.ac.th/project_agro/ch_2/f3_intro.html
เป็นการแสดงให้เห็นถึงความสำคัญและความจำเป็นสมควรต้องมีการศึกษาปัญหาพิเศษเรื่องนี้
โดยพยายามกำหนดปัญหาให้ชัดเจนทั้งในด้านการเกิดความรุนแรง การกระจายตัวของปัญหา
หรือด้านอื่น ๆ ให้เข้าถึงข้อเท็จจริงของปัญหาอย่างแท้จริง
ด้วยการทบทวนเอกสารที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบสถิติ
สอบถามความเห็นจากบุคคลที่เกี่ยวข้อง และแสวงหาเหตุผลที่น่าเป็นไปได้
จากทฤษฎีและสาขาที่เกี่ยวข้อง โดย
- ย่อหน้าแรก จะต้องอภิปรายถึงความเป็นมา ปัญหา ข้อดี ข้อเสีย
หรือข้อโต้แย้งของการทดลองที่ได้ทำการก่อนหน้า
- ย่อหน้าที่สอง จะต้องอภิปรายถึงความสำคัญ ข้อดีของปัญหา
รวมถึงแนวทางแก้ไขปัญหาในเรื่องที่เราสนใจจะดำเนินการทำ
ควรมีเอกสารหรือที่มาของปัญหาที่ที่อ้างอิงเพื่อสนับสนุนหรือโต้แย้งสิ่งที่เราจะทำการทดลองนั้น
- ย่อหน้าสุดท้าย ต้องอภิปรายสรุปเป้าหมายของการทดลองที่เราจะทำการทดลองโดยใช้ข้อมูลข้างต้นเพื่อแก้ปัญหาที่งานทดลองที่เราจะทำ
และต้องทิ้งท้ายด้วยรูปแบบดังนี้ คือ
ดังนั้นปัญหาพิเศษวิทยาศาสตรบัณฑิตสาขา…………....................…ฉบับนี้
จึงมุ่งศึกษา.............................
………………………….............................……….…เพื่อมุ่งตอบคำถามสำคัญ……..ประการ คือ
………………………….............................……….…เพื่อมุ่งตอบคำถามสำคัญ……..ประการ คือ
1.1.1.
..........................................................................................................
1.1.2.
..........................................................................................................
1.1.3.
..........................................................................................................
หมายเหตุ :
- แต่ละย่อหน้าจะเริ่มพิมพ์ที่ 0.5
นิ้ว
- จะต้องพิมพ์ให้แต่ละย่อหน้าห่างกันด้วยการใช้
"Ctrl + จ"
http://cai.md.chula.ac.th/cgi-bin/sign/post.pl?department=preven&subject=research อาจเรียกต่างๆกัน เช่น หลักการและเหตุผล ภูมิหลังของปัญหา
ความจำเป็นที่จะทำการวิจัย หรือ ความสำคัญของโครงการวิจัย ฯลฯ
ไม่ว่าจะเรียกอย่างไร ต้องระบุว่าปัญหาการวิจัยคืออะไร
มีความเป็นมาหรือภูมิหลังอย่างไร มีความสำคัญ รวมทั้งความจำเป็น คุณค่า และประโยชน์
ที่จะได้จากผลการวิจัยในเรื่องนี้
โดยผู้วิจัยควรเริ่มจากการเขียนปูพื้นโดยมองปัญหาและวิเคราะห์ปัญหาอย่างกว้างๆ
ก่อนว่าสภาพทั่วๆไปของปัญหาเป็นอย่างไร และภายในสภาพที่กล่าวถึง มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นบ้าง
ประเด็นปัญหาที่ผู้วิจัยหยิบยกมาศึกษาคืออะไร ระบุว่ามีการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้
มาแล้วหรือยัง ที่ใดบ้าง และการศึกษาที่เสนอนี้จะช่วยเพิ่มคุณค่า ต่องานด้านนี้ ได้อย่างไร
สรุป
หลักเกณฑ์สำคัญสำหรับการเขียนความเป็นมาและความสำคัญของปัญหาการวิจัย
ผู้วิจัยต้องเขียนให้ตรงประเด็นโดยเริ่มจากสภาพปัญหาในระดับมหาภาคไล่ลงมาจนถึงปัญหาระดับจุลภาคและเป็นปัญหาที่ผู้วิจัยต้องการทำการศึกษาวิจัย
เน้นปัญหาถูกจุด ไม่ควรให้ยืดเยื้อให้เนื้อความครอบคลุมประเด็นสำคัญที่จะศึกษาทุกประเด็น
ใช้ภาษาง่ายๆจัดลำดับประเด็นที่เสนอเป็นขั้นตอนต่อเนื่องกัน
ถ้ามีการอ้างอิงควรอ้างอิงให้ถูกต้องครบถ้วนสมบูรณ์
ปกตินั้นการเขียนส่วนความเป็นมาและความสำคัญของปัญหาการวิจัยมักจะมีเนื้อหาความยาวให้อยู่ประมาณไม่เกิน
๓ หน้าพิมพ์
ซึ่งในส่วนสุดท้ายของความเป็นมาและความสำคัญของปัญหานั้นให้สรุปเชื่อมโยงกับหัวข้อในวัตถุประสงค์การวิจัยที่จะศึกษาต่อไปด้วย
อ้างอิง
http://agro-industry.rmutsv.ac.th/project_agro/ch_2/f3_intro.html สืบค้นเมือวันที่ 25 พฤศจิกายน
2555.
http://thethanika.blogspot.com/2011/06/blog-post_2519.html สืบค้นเมือวันที่ 25 พฤศจิกายน 2555.
http://cai.md.chula.ac.th/cgi-bin/sign/post.pl?department=preven&subject=research
สืบค้นเมือวันที่ 25 พฤศจิกายน 2555.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น